ขั้นตอนการทำ



ส่วนผสม หมูสะเต๊ะ
สะโพกหมู
กระเทียมโขลก 2 กำมือ
ผงขมิ้น 1/2 ทัพพีเล็ก (**ทัพพีขนาดเล็ก และอย่าใส่ผงขมิ้นเยอะ** เพราะจะทำให้หมูมีรสเฝื่อน ๆ ได้ บางคนก็ไม่ใส่)
ผงยี่หร่า 1 ทัพพี
ผงกะหรี่ 2 1/2 ทัพพี (ผงกะหรี่อันนี้ขาดไม่ได้โดยเด็ดขาด ถ้าเป็นขมิ้นกับยี่หร่า บางคนไม่ใส่ก็ได้ แต่ผงกะหรี่ห้ามขาด ใส่ยิ่งเยอะยิ่งหอม)
น้ำตาลทราย 2 ทัพพี

วิธีหมักหมูสะเต๊ะ
หั่นเนื้อหมูเป็นชิ้น ๆ
ใส่กระเทียมโขลกลงไป (ใส่เยอะ ๆ)
ตามด้วยผงขมิ้น ผงยี่หร่า ผงกะหรี่ น้ำตาลทราย เมล็ดผักชีโขลก กะทิ และนมสดเล็กน้อย (หมักให้มันนุ่ม ๆ ไม่ถึงกับแฉะ)
เคล้าส่วนผสมให้เข้ากันแล้วหมักทิ้งไว้ครึ่งวัน
นำหมูที่หมักได้ที่แล้วมาเสียบไม้ (ส่วนตัวไม่ชอบกินมันหมูเลยไม้เสียบมาด้วย)
ก่อนปิ้งนำหมูไปชุบในน้ำกะทิให้ทั่ว
พอหมูเริ่มสุกให้ทากะทิซ้ำลงไปอีกครั้ง (เพื่อความนุ่มและไม่กระด้าง
ปิ้งจนสุก จัดใส่จาน เตรียมไว้เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มสะเต๊ะ และน้ำจิ้มอาจาด



ส่วนผสมน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ
กะทิสด 500 กรัม
น้ำพริกแกงมัสมั่น 200 กรัม
น้ำตาลปี๊บ 3 ทัพพี
น้ำมะขามเปียก 4 ทัพพี
เกลือป่นเล็กน้อย
ถั่วลิสงคั่วป่น 5 ทัพพี

วิธีทำน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ
แบ่งใส่หัวกะทิพอประมาณใส่ลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟเคี่ยวพอร้อน
ใส่น้ำพริกแกงมัสมั่นลงไป จากนั้นเทกะทิที่เหลือลไปทั้งหมด

หมายเหตุ : น้ำพริกแกงมัสมั่นใช้แค่ 2 ขีดก็พอ บางคนลดต้นทุนโดยใช้พริกแกงเผ็ดมาปนเยอะ ๆ ๆ เพราะน้ำพริกแกงมัสมั่นจะมีราคาแพงกว่าน้ำพริกแกงเผ็ด เพราะมีส่วนผสมของลูกจันทร์ด้วย
ใส่น้ำตาลปี๊บลงไป (ใส่ประมาณ 3 ทัพพีก่อน อย่าเพิ่งใส่เยอะในตอนแรก เดี๋ยวจะหวานเกิน หากยังไม่พอใจค่อยเติมทีหลังเอา)

ตามด้วยน้ำมะขามเปียก (อย่าปรุงให้เปรี้ยวเกินไป เพราะน้ำจิ้มชนิดนี้ห้ามเปรี้ยว เวลากินแล้วรสหวานจะออกนำ แทบไม่ได้รสเปรี้ยวเลย) ตัดรสด้วยเกลือป่นเล็กน้อย คนผสมให้เข้ากัน
หมายเหตุ : ต้องปรุงให้รสหวานนำ แต่ไม่ใช่หวานมาก ให้ความเปรี้ยวมีแค่ 0.1% พอ เรียกได้ว่าแทบจะไม่ได้รสเปรี้ยวเลย

สุดท้ายใส่ถั่วลิสงคั่วป่นลงไป คนผสมให้เข้ากัน (ใส่ประมาณ 5 ทัพพีก่อนนะ อย่าเพิ่งใส่เยอะ เพราะเดี๋ยวมันจะขึ้นอืดเองเวลาที่น้ำจิ้มเย็น หากยังไม่ข้นพอเราเติมภายหลังได้)
หมายเหตุ : บางคนก็เห็นเขาใส่ขนมปังลงไปด้วย ขอบอกว่าวิธีนั้นเป็นการลดต้นทุนการใช้ถั่วลิสงป่น แต่น้ำจิ้มสะเต๊ะที่มีส่วนผสมของขนมปังจะเก็บไว้นาน ๆ ไม่ได้)
เคี่ยวส่วนผสมจนเดือด ปิดไฟ เตรียมไว้

หมายเหตุ : น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ จะคล้าย ๆ กับน้ำของขนมจีนน้ำพริก เพียงแต่ขนมจีนน้ำพริกไม่ใส่น้ำพริกแกงมัสมั่น แต่ใส่พริกแห้งแช่น้ำแล้วคั้นเอาน้ำพริกมาผัดกับกะทิ และผัดกับน้ำมันเอาไว้ลอยหน้า

น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะและขนมจีนน้ำพริกจะใส่น้ำมะขามเปียกเช้นเดียวกัน แต่ขนมจีนจะเพิ่มดีกรีความเปรี้ยวด้วยน้ำมะกรูด มะนาว และน้ำส้มซ่า แต่โดยรวมแล้ววิธีการจะคล้าย ๆ กัน แล้วน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะก็สามารถเอาไปทำเป็นเมนู พระรามลงสรง ก็ได้อีกด้วย ตัวน้ำจิ้มหากกินไม่หมดเก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน



ส่วนผสมน้ำจิ้มอาจาด
น้ำส้มสายชู 4 ส่วน
น้ำตาลทราย 3.5 ส่วน
เกลือ 1/2 ส่วน
น้ำเปล่าเล็กน้อย (เพื่อเบรคความเปรี้ยวของน้ำส้มสายชู)
แตงกวาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
พริกแดงซอย
หอมแดงซอย

วิธีทำน้ำจิ้มอาจาด
เติมส้มสายชู น้ำตาลทราย เกลือ และน้ำเปล่าเล็กน้อยใส่ลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟเคี่ยวพอมีความหนืดนิด ๆ (ชิมรสให้ได้ เปรี้ยวนำ หวานตามมาติด ๆ เค็มท้าย ๆ เลยนะ) จากนั้นพักทิ้งไว้จนเย็น
ผสมแตงกวาซอย พริกแดงซอย และหอมแดงซอยเข้าด้วยกันแล้วนำลงไปแช่ในน้ำอาจาดที่เย็นแล้ว เตรียมไว้ (หากยังไม่กินก็ไม่ต้องแช่ทิ้งไว้ก็ได้ แต่เราว่าน้ำจิ้มอาจาดจะอร่อยต้องแช่แตงกวาทิ้งไว้นาน ๆ ให้มันเข้าเนื้อ)
จัดหมูสะเต๊ะใส่จาน เสิร์ฟพร้อม น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ และน้ำจิ้มอาจาด

สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน 4.0 International.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น